♥♥♥Welcome to blogger Miss Wilaiporn Chinapak ♥♥♥

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

August 12 , 2556

Record times 10

Study notes

วันแม่แห่งชาติ พ.ศ. 2556




“ แม่ ” คำคำนี้เป็นคำสูง เป็นมงคลแห่งคำอันควรเทิดไว้เหนือบรรดาคำทั้งปวงในภาษาศาสตร์ เป็นคำที่น่าฟัง ไพเราะเสนาะหู มีความหมายในทางชื่นอกชื่นใจ เราจึงเรียกคนที่กำเนิดเรามาว่า “แม่” เพราะเรียกคำอื่นคงฟังไม่ชื่นใจมากเท่านี้ และคำว่า “แม่” นี่เองเป็นคำที่เด็กมักจะพูดก่อนคำใดๆ เมื่อเริ่มพูดได้ เด็กต้องพูดคำว่า แม่ก่อน แม้ว่าจะพูดไม่ชัด ออกเสียงเป็น มะ เป็น แมะ อะไรไปก็ได้ แต่จุดหมายของเขาก็คือเรียกคนที่เขารู้จักมาก่อนใครๆ ผู้ที่ใกล้ชิดมากกว่าใคร ผู้เฝ้าดูแลอุ้มชูทะนุถนอมชีวิตน้อยๆในครรภ์มากว่า ๙ เดือน

๐ ดอกเอ๋ยดอกมะลิ ถึงยามผลิกลีบพราวสกาวต้น
สดสะอาดปราศสีราคีระคน เหมือนกมลใสสดหมดระคาย
กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย ขอเชิญทายหาที่ไหนจากใครเอย


๐ใจเอ๋ยใจสะอาด น่าประหลาดใจใครที่ไหนหนา
จึ่งสะอาดปราศตำหนิเหมือนมัลลิกา ดังใจพระออกจะหาได้ยากครัน
ใจมนุษย์มักจะดำอำมหิต เพราะมัวคิดโลภรังเกียจคอยเดียดฉันท์
ในโลกหล้าจะหาได้ที่ไหนกัน เห็นแต่ใจแม่เท่านั้นสะอาดเอย


๐รักเอ๋ยรักแท้ รักอะไรของใครแน่ยังสงสัย
เพราะรักของสาวหนุ่มชุ่มชื่นใจ ก็ยังไม่ดำรงคงเส้นวา
หรือรักของพี่น้องผองญาติมิตร รักชีวิตรักชาติศาสนา
ยังเปลี่ยนแปลงตะแบงบิดฤทธิ์เงินตรา รักของแม่นั่นแลว่ารักแท้เอย


๐แม่จ๋า แม่ช่วยตอบปัญหาลูกได้ไหม
ไยแม่เฝ้ารักลูกผูกหัวใจ ลูกดีชั่วอย่างไรรักไม่คลาย
หัวใจแม่เป็นไฉนไยผ่องผุด หลั่งรักแท้บริสุทธิ์ไม่ขาดสาย
เฝ้าพันผูกตั้งแต่ลูกกำเนิดกาย จนลูกตายรักของแม่ไม่แปรเอย

จากบทดอกสร้อยแม่จ๋า ของท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา




วันแม่แห่งชาติ เป็นวันสำคัญที่ถูกกำหนดขึ้น เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณของแม่ บุคคลที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตมนุษย์ทุกคน เพราะแม่นั้นเปรียบดังเทวดา ผู้ให้ชีวิต ผู้คอยดูแลคุ้มครองรักษา มอบความรัก ความอบอุ่น อุ้มชูบุตรไปสู่ความเจริญทั้งกาย ทั้งใจ เป็นผู้ร่วมทุกข์ในยามที่ลูกตกต่ำและเหนื่อยยาก เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรให้ที่ปกป้องลูกให้ร่มเย็นเป็นสุข ดั่งพระในบ้านที่บุตรควรกราบไหว้บูชา สักการะทุกวันเวลา

ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลก ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. ๑๙๑๔ (พ.ศ.๒๔๕๗) จากความพยายามริเริ่มของ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูจากรัฐฟิลาเดเฟีย จนในที่สุดประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา และกำหนดดอกไม้สำหรับวันแม่แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา คือ ดอกคาร์เนชั่น

สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นมาเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง งานวันแม่ในปีต่อมาจึงถูกงดไป หลังจากผ่านสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายามรื้อฟื้นให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เเละได้มีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม คือวันที่ ๑๕ เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ โดยกิจกรรมก็มี การจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้วันแม่จึงเป็นงานประจำของชาติ ตามประกาศของรัฐบาล ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในเวลานั้นทั่วไปเรียกกันว่า วันแม่ของชาติ

งานวันแม่ในวันที่ ๑๕ เมษายน ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปี แต่ก็ต้องมาหยุดชะงักลงด้วยเหตุที่ว่าสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ผู้จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย เห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดจัดงานวันแม่ คือวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ แต่จัดได้ปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ทางราชการจึงได้กำหนดวันแม่ใหม่ โดยให้ถือวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ  

 

โดยวัตถุประสงค์ที่จัดงานวันแม่ขึ้นมาก็เพื่อ
- เทิดทูนและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะแม่ของแผ่นดิน ผทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย
-ให้ผู้เป็นลูกได้สำนึกถึงพระคุณของแม่ และตระหนักถึงหน้าที่ของลูกที่พึงมีความกตัญญูกตเวทีต่อแม่ ดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพทั้งกายใจของแม่ให้ครบถ้วนสมบรูณ์
-ให้ผู้ที่เป็นแม่ได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตนที่พึงมีต่อบุตร ธิดา และครอบครัว
-ประกาศเกียรติคุณ และเผยแพร่ให้สงคมได้รับรู้ถึงคุณงามความดีของแม่และลูกที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเป็นแบบอย่างที่ดี สมควรแก่ความชื่นชม ยกย่อง
-รักษาประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติในเรื่องความกตัญญูของลูกที่มีต่อแม่ให้คงอยู่ต่อไป

สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่ของทุกปี ก็คือ ดอกมะลิ ด้วยเหตุผลที่ว่า ดอกมะลิเป็นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย...

สัญลักษณ์อีกอย่างของวันแม่ก็คือ เพลงค่าน้ำนม เพลงอย่างเป็นทางการที่ใช้ในงานวันเเม่เเห่งชาติ ผลงานการประพันธ์ของครูไพบูลย์ บุตรขัน นักแต่งเพลงที่มีผลงานที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก จนได้รับการขนานนามให้เป็น "อัจฉริยะนักแต่งเพลงอันดับหนึ่งของไทย" บทเพลงค่าน้ำนมนั้นยามได้ฟังเมื่อไร เป็นชวนให้ระลึกถึงบุญคุณของเเม่ ท่วงทำนองกับคำร้องที่ตรงไป ตรงมา ชวนให้นึกภาพตามได้ไม่ยาก แม้แต่เด็กเล็กๆก็เข้าใจ ใครฟังเพลงนี้แล้วก็มักจะต้องหลั่งน้ำตาให้กับความซาบซึ้งแห่งรักที่แม่มีให้เรา นอกจากนี้เนื้อเพลงยังกล่าวให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมดั้งเดิมตามวิถีไทย อย่างความเชื่อว่า หากลูกชายบ้านไหน ได้บวชเรียน ก็จะส่งแผ่ อานิสงค์ให้กับพ่อแม่ ได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสู่ที่ดีๆ เมื่อถึงยามสิ้นใจ

ในทางพระพุทธศาสนาเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสบรรยายคุณธรรมของบุตรที่พึงปฏิบัติเพื่อทดแทนพระคุณต่อ บิดา มารดาไว้ด้วยคำว่า

"กตัญญู กตเวที" คุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นลูกนั้นรวมอยู่ใน ๒ คำนี้
กตัญญู หมายถึงเห็นคุณท่าน คือเห็นด้วยใจ ด้วยปัญญา ว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อเราอย่างแท้จริง คุณของพ่อ แม่ดูได้จากการอุปการะเลี้ยงดูเรามา ตามธรรมดาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อจะอุปการะใครเขาต้องเห็นทางได้ เช่น เห็นหลักทรัพย์ หรือดูนิสัยใจคอ ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าอุปการคุณของเขาจะไม่สูญเปล่า แต่ที่บิดา มารดา ทำโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มองถึงหลักประกันใด ๆ เลย เราเองก็เกิดมาตัวเปล่าไม่มีหลักทรัพย์ ยิ่งนิสัยใจคอแล้วยิ่งรู้ไม่ได้เอาทีเดียว โตขึ้นมาจะเป็นอย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น